บทที่ 03 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม

ฟังบทนั้น

พระมูหะหมัด ทรงประสูติ ณ นครเมกกะห์ในปี พ.ศ. 113 เนื่องจากพระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ก่อนที่พระองค์จะประสูติและพระมารดาของพระองค์สิ้นพระชนม์ต่อมาหลังจากนั้นเพียงไม่นาน พระองค์จึงได้รับการเลี้ยงดูจากลุงของพระองค์ซึ่งมาจากเผ่า Quraysh ที่มีชื่อเสียง พระองค์ได้รับการเลี้ยงดูอย่างผู้ไม่รู้หนังสือ ไม่สามารถอ่านหรือเขียนหนังสือได้และเป็นอยู่เช่นนี้จวบจนการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ครอบครัวของพระองค์ก่อนที่พระองค์จะรับหน้าที่เป็นพระศาสดา ไม่เคยสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือเลย ขณะที่พระองค์ทรงเจริญวัย พระองค์ทรงมีชื่อเสียงในเรื่องของคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความน่าเชื่อถือ ความโอบอ้อมอารีย์และความจริงใจ พระองค์เริ่มเป็นที่รู้จักกันถึง ความซื่อสัตย์ ความสุจริต ความน่าเชื่อถือ ความมีน้ำใจและความจริงใจของพระองค์ จนมีผู้เรียกขานพระองค์ว่า ผู้น่าเชื่อถือ.1 พระมูหะหมัด เป็นผู้เคร่งในศาสนา และพระองค์ทรงรังเกียจความเสื่อมโทรมและการกราบไว้บูชาสิ่งงมงายที่มีอยู่เป็นเวลานานในสังคมของพระองค์.

ในขณะที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุได้สี่สิบชันษา พระมูหะหมัด ทรงได้รับการเปิดเผยเป็นครั้งแรกจากพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านเทพเจ้ากาเบรียล การเปิดเผยกระทำติดต่อกันเป็นเวลายี่สิบสามปี และคำเปิดเผยเหล่านั้นได้รับการรวบรวมจนเป็นที่รู้จักกันในนามพระคัมภีร์กุรอาน.

ทันทีที่พระองค์ทรงเริ่มเผยแผ่พระคัมภีร์กุรอานและเทศนาสั่งสอนความเป็นจริงซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงเปิดเผยต่อพระองค์ พระองค์และสาวกกลุ่มเล็กๆ ของพระองค์ได้รับความลำบากจากการกลั่นแกล้งจากพวกนอกศาสนา การกลั่นแกล้งทวีความรุนแรงมากขึ้น จนมาในปี พ.ศ. 1165 พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้พวกพระองค์อพยพหนี การอพยพครั้งนี้จากนครเมกกะห์ไปยังกรุงเมดินะห์ ซึ่งอยู่ทางเหนือขึ้นไปประมาณ 260 ไมล์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิทินมุสลิม.

หลังจากนั้นหลายปี พระมูหะหมัด และสาวกของพระองค์จึงสามารถกลับมายังนครเมกกะห์ได้ซึ่งเป็นที่ที่พระองค์และบรรดาสาวกต่างให้อภัยต่อเหล่าปัจจามิตรของพระองค์ ก่อนที่พระมูหะหมัด จะสิ้นพระชนม์ ขณะที่มีพระชนมายุหกสิบสามชันษา พื้นที่ส่วนใหญ่ของคาบสมุทธอารเบี้ยนกลายเป็นชาวมุสลิม และภายในหนึ่งศตวรรษหลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ศาสนาอิสลามได้แพร่ขยายไปถึงตะวันตกของประเทศสเปน และตะวันออกไกลอย่างประเทศจีน บรรดาเหตุผลของการแพร่ขยายอย่างรวดเร็วและอย่างสันติวิธีของศาสนาอิสลามนั้นได้แก่ ความเป็นจริงและความชัดเจนของคำสอนในศาสนานั่นเอง ศาสนาอิสลามมีความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว ผู้ซึ่งมีควรค่าแก่การเคารพบูชาแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น.

พระศาสดามูหะหมัด ถือเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ผู้หนึ่งในเรื่องของความซื่อสัตย์ ยุติธรรม เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา มีความเวทนาสงสาร มีคุณธรรม และกล้าหาญ แม้ว่าพระองค์จะทรงเป็นบุรุษชาติ พระองค์ก็ทรงหนีห่างจากลักษณะอันชั่วร้ายและมุมานะบากบั่นอย่างเด็ดเดี่ยวเพียงเพื่อพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งตอบแทนจากพระองค์ในโลกหลังความตาย ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำและการปฏิบัติตนของพระองค์ทรงกระทำไปด้วยใจที่จดจ่อและเกรงกลัวต่อพระผู้เป็นเจ้า.

สุเหร่าของพระศาสดามูหะหมัด ในกรุงเมดินะห์.}